ข้อมูล Encephalartos laevifolius

ข้อมูล Encephalartos laevifolius (แปลมาจากหนังสือของ South Africa) ขอให้ผู้อ่านทุกท่านประสบความสำเร็จในการเลี้ยง แปลผิดพลาดยังไงขออภัยใน ณ.ที่นี้ ขอบคุณผู้เขียนหนังสือหลายๆเล่มของ Cycadsที่ South africa

Otto Stapf and Joseph Burtt Davy อธิบายในสายพันธุ์นี้ในปี ค.ศ.1926  ชื่อของสายพันธุ์นี้เกิดจากภาษาลาติน ที่คำว่า “smooth” และอ้างถึงความเรียบของใบไม้ของพืชความสัมพันธุ์ที่ว่านี้สัมพันธุ์กับใบของ E.lanatus

Habitat : จนกระทั่งสายพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันพอสมควรซึ่งมักพบว่าได้เกิดอยู่ 6 สถานที่

1. ลงทางใต้ติดพรมแดนระหว่าง The Eastern Cape และ KwaZulu ภายในขอบเขต 50 กิโลเมตรจากทะเล

2. ใกล้ Tugela ferry ใน KwaZula-Natal มีสายพันธุ์เพศเมียที่โดดเดี่ยวที่เกิดขึ้นมีการย้ายไปยังสวนที่หนึ่งเป็นเวลาหลายปีแล้ว

3. ใกล้กับเหมืองแร่ที่ปิดไปใน the Havelock ที่ Emlembe ใน Swaziland สายพันธุ์ที่อยู่ในบริเวณนี้ได้ถูกสูญหายไปหมดแล้วจากนักสะสม

4. ในตำบล The Nelsprit ของ Mpumalaga โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณใกล้เคียง Kaapsehoop ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสายพันธุ์นี้เกิดขึ้นมากที่สุดที่สามารถค้นพบได้

5. กลุ่มเล็กๆที่ว่าด้วยใบที่เป็นสีเขียวที่จะพบใน Mariepskop ใน Drakensberg ของ Mpunalanga

6. ใน Limpopo ใกล้ Trichardtsdal ใน the Wolkberg มีกลุ่มเล็กๆ ของรูปแบบใบที่สัมพันธุ์กับความสั้น กว้างและมีขน ในกลุ่มสายพันธุ์นี้ได้ถูกสูญพันธุ์ไปอย่างชัดเจนโดยนักสะสม

สายพันธุ์นี้เป็นจำนวนมากพบในพื้นที่ที่เป็นบริเวณโซนหินบนการเกาะบนหน้าผาหรือเหลี่ยมที่ราบสูงในทุ่งหญ้าสั้นๆหรือที่มีต้นไม้เล็กๆในแสงแดดแบบแสงแดดเต็มวัน โดยพื้นที่ที่เป็นช่วงๆที่มีความเสี่ยงกับไฟป่าซึ่งได้ฆ่าต้นกล้าเล็กๆจำนวนมากมาย ปริมาณน้ำฝนที่ตกมากกว่า 1000มิลลิเมตร และมักจะตกในช่วงหน้าร้อน พื้นที่บริเวณนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1300-1800 เมตร กิจกรรมที่นักสะสมจำนวนมากชอบในการหาต้นกล้าแต่การงอกทดแทนต่ำมาก สายพันธุ์นี้ถูกนำออกไปจากป่าเป็นจำนวนมากเมื่อพิจารณากับความเสี่ยงที่ใกล้สูญพันธุ์

Cultivation : พืชสายพันธุ์นี้เจริญเติบโตช้าและชอบมากสำหรับแสงแดดอ่อนๆหรือแสงแดดเต็มวัน มันสามารถทนความหนาวเย็นได้ในระดับสูง(very frost hardy) แม้ว่าสายพันธุ์นี้จะถูกออกแบบให้ขยสยพันธุ์โดยทางเมล็ดและทางหน่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมักจะไม่มี conesบ่อยนัก และ female cones ในป่าอาจจะมีความเสียหายเกิดจากเชื้อราบ้าง แมลงบ้างซึ่งได้ทำลายเมล็ดพันธุ์เป็นจำนวนมาก

Stem(ลำต้น) : ลำต้นจะขึ้นไปในอากาศและจะตั้งตรง  แต่บางครั้งเมื่อลำต้นจะยาวอาจจะมีการโน้มเอียงถึงกลับมานอนหรือคลานบนพื้น ลำต้นโดยปกติจะไม่มีกิ่งก้านแม้ว่าหน่อที่จะเกิดเป็นปกติ ลำต้นจะสามารถมีความยาวได้ 5 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 250-350 มิลลิเมตร ที่ปลายยอดจะไม่มีขนแต่การปกคลุมเส้นเล็กๆของ cataphyllsสีเทาจำนวนมาก ยาว ผอมและแหลม เมื่อลำต้นมีอายุมากขึ้นจะถูกปกป้องโดยใบเล็กๆที่ขึ้นมาใหม่และใบใหญ่บริเวณฐานที่ปกคลุมรอบลำต้นและที่ยอดจะปกคลุมด้วย cataphyllsและใบเก่าๆตามลำดับ

Leaves(ใบย่อยทั้งหมด) :จะมีสี Bluish-green จนถึงสี Silver ที่บนหน้าใบและสี Slightly lighter green ที่หลังใบ เมื่อใบอ่อนจะมีขนสีขาวอยู่ที่ผิวบนของใบซึ่งจะปรากฎขึ้นตอนโตเต็มวัย ใบจะมีลักษณะที่แข็งและตรงหรืออาจจะมีการโค้งลงเล็กน้อย(downwards)และบางครั้งอาจจะมีการบิด(twisted)เกิดขึ้นได้ที่บริเวณปลายใบ  ถ้าใบของwolkberg form จะมีความยาว 0.6-0.8 เมตรของก้านใบ ส่วน “Tugela Ferry form” สามารถยาวได้ถึง 1.5 เมตร ขณะที่ก้านใบของฟอร์มอื่นจะมีความยาว 1.0-1.3 เมตร

The pp-angle จะเพิ่มจาก 50°-90°ที่ปลายใบถึง 90°-170° ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole

The pr-angle  20°-70°ที่ปลายใบถึงและเพิ่มขึ้นเป็น 70°-80° ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole 

s-angle +45° ถึง +80°ที่ปลายใบ แต่ว่าอาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า 0° ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole

ใบย่อยจะมีการทับซ้อนแบบใบล่างทับใบบนในช่วงของปลายใบ ก้านใบเก่าจะมีมากที่ยังอยู่บนต้นหรือบางครั้งอาจจะมีลักษณะในแนวราบเมื่อมีใบใหม่ขึ้นมาหรือเกิด Conesขึ้นมา

Petiole : ความยาว 60-250 มิลลิเมตร และเป็นสีเหลือง

Median leaflets : ใน ” Wolkberg form” ใบย่อยจะมีความยาว 55-70 มิลลิเมตร และกว้าง 9 มิลลิเมตร ส่วนในรูปแบบอื่นจะมีความยาว 100-150 มิลลิเมตร และความกว้าง 5-7 มิลลิเมตร ใบมีลักษณะคล้ายหนัง(leathery) ไม่มีปุ่มที่บนผิวหน้าใบและไม่มีหนามที่ขอบใบและขอบใบจะไม่หนา ส่วนใบย่อยของ “wolkberg form” จะมีขนที่บนผิวหน้าใบย่อย รวมถึงมีการโค้งเว้าในแนวขวางแต่จะตรงหรือมีการโค้งเว้าเพียงเล็กน้อยในทางยาว ที่ปลายใบย่อยจะเป็นหนามแหลม

Basal leaflets : จะลดขนาดลงสู่หัว(caudex)แต่ว่าไม่ใช่แบบ spines

Cones : จะมีสีเหลืองอมเขียวในทั้งสองเพศจะมีขนบางๆที่ภายนอกของขนที่มีสีขาวสั้น ทั้งสองเพศสามารถผลิตได้ถึง 5 conesต่อฤดูกาลต่อต้น ทั้งหมดนี้จะปรากฎในเดือนพฤษภาคม

Male cones : ความยาว 300-430 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 80-115 มิลลิเมตร และมีความยาว peducle ประมาณ 30 มิลลิเมตรแต่ถ้าสมบูรณ์จะสังเกตุเห็น cataphylls เกิดขึ้นที่บนยอดของลำต้น โดย Cones ที่เพิ่งตัดออกมาจะมีน้ำหนัก 1.1-1.4 กิโลกรัม และมี 670-710 sporophylls. Pollen shedding ที่เกิดในบริเวณนั้นจะอยู่ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน

Female cones :  มีความยาว 400-450 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 150-190 มิลลิเมตร และมีความยาว peduncle 20-30 มิลลิเมตร แต่ที่ทั้งหมดสังเกตุได้โดยมี cataphyllsของยอดลำต้น โดยConesที่เพิ่งตัดออกมาจะมีน้ำหนัก 5.8-6.4 กิโลกรัม  และมี 210-230 sporophylls ซึ่ง terminal sterile one จะประกอบไปด้วย 3.5%  Conesจะแตกออกมาในธรรมชาติ ในเดือน มกราคา-มีนาคม จะประมาณ 350-385 omnules ต่อ cone

Seeds : จะมีสีแดง(บางทีอาจจะเป็นสีเหลืองจนเป็นสีส้ม) มีความยาว 26-30 มิลลิเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 23-27 มิลลิเมตร the sarcotesta index จะประมาณ 8% และ the sarcotesta จะกลับเป็น mucilaginous repening

Seed kernals : มีความยาว 24-27 มิิลลิเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 20-23 มิลลิเมตร

Note : สำหรับพืช Young Encephalartos laevifolious บางครั้งอาจจะมีการสับสนกับสายพันธุ์อื่นเช่น Encephalartos  friderici-guilielmi, E.humilis และ  E. lanatus สรุปว่า จากลักษณะของสายพันธุ์นี้ที่เกิดขึ้นสามารถดูจาก  “Notes” ที่อธิบายของ Encephalartos  friderici-guilielmi

 

 

© 2000:Mr.Prince Farm, All Rights Reserved | Awesome Theme by: D5 Creation | Powered by: WordPress