ข้อมูล Encephalartos Longifolius

Encephalartos Longifolius(ได้แปลมาจากในหนังสือSouth Africa)

สายพันธุ์นี้จะมีความเหมือน Encephalartos caffer ในช่วงแรกของการค้นพบที่ south africa สายพันธุ์นี้ได้ถูกนักวิทยาศาสตร์บันทึกไว้ในปี ค.ศ.1772 โดย The Swedish botanist Carl Pehr(Peter) Thunberg ผู้เป็นค้นคิด เมื่อสายพันธุ์นี้โตเต็มที่ในธรรมชาติและบางทีมี Juvenile form ที่คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Palm  เขาและทีมงานในปีค.ศ. 1775  ตั้งชื่อภายใต้ Cycas caffra ในปี ค.ศ. 1800 thunberg ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Zamia caffra ซึ่งจะมีลักษณะที่เหมือน Palmsจนกระทั่ง thunberg ได้อ้างถึงพวกเขาโดยตั้งชื่อในปี ค.ศ.1793 ในข้อมูลที่ว่าเขาได้เดินทางผ่านทางยุโรปไปยังทวีปแอฟริกาและเอเซีย  และเมื่อ N.J. Jacquin ตัดสินใจว่า 2 สายพันธุ์นี้มีที่เกี่ยวข้อง โดยเขาแยกพวกมันทางแบบอนุกรมวิธาน โดยการจัดสรรชื่อว่า zamia longifolia ถึงรูปแบบใบที่ใหญ่กว่า( larger form) ในปี ค.ศ.1801 นี้และ ในปี ค.ศ. 1834  J.G.C. Lehmann ได้ส่งผ่านความรู้ทั้งสองสายพันธุ์นี้ว่ามี Genusในตระกูล Encephalartos ซึ่งการบันทึกใน Latin rules จำเป็นในการเปลี่ยนจาก  longifolia ไปเป็น longifolius ผู้ค้นพบนี้ได้อธิบายเป็นภาษาลาตินว่า longus แปลว่า”ยาว(long) ” และ folium สำหรับคำว่า “ใบ(leaf)”และ อ้างว่าสายพันธุ์นี้ไปทาง“long leaves(ใบย่อยทั้งหมดจะยาว)”ซึ่งจะมีความสัมพันธ์ถึง Encephalartos caffer

Distribution & Habitat

สายพันธุ์นี้เกิดขึ้นที่ Joubertina eastwards ใน fynbos (ภูเขาโต๊ะ (Table Mountain)และ Devil’s Peak ยอดเขาปีศาจ)Table Mountain National Park    มันเกิดขึ้นที่ระดับต่ำลงมาที่ 200 เมตรที่ชายฝั่ง ภูมิอากาศที่อาศัยอยู่คือร้อนในหน้าร้อนและหนาวในหน้าหนาว  ส่วนฝนจะมีปริมาณ 300 มิลลิเมตรต่อปี  ในส่วนที่ติดกับชายฝั่งเหนือใกล้น้ำทะเลจะมีปริมาณฝนตกมากปริมาณ 1250 มิลลิเมตร ต่อปี

อย่างไรก็ตามมันสามารถเกิดที่ความลาดชันที่ไม่มากและบริเวณ Great winterhoek mountains(เทือกเขาใกล้ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับเมือง East Cape province ไล่ลงมาจนถึงเทือกเขา Klein Winterhoek )รวมทั้ง Suurberg mountain ใน  Humandorp , Uitenhape และ Somerset-East ในตำแหน่ง Paardepart และทางตะวันออกเฉียงใต้ jansenville  ที่ระดับความสูง 1500 เมตร เหนือน้ำแค่ 350-400 มิลลิเมตรที่ตกส่วนใหญ่ในหน้าร้อน แม้ว่าสายพันธุ์นี้จะเป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมจำนวนมาก แต่ก็ถูกปกป้องด้วยธรรมชาติทั้งสองเทือกเขา ดังนั้น สายพันธุ์นี้ได้ถูกลักลองนำออกจากป่าโดยไม่ได้มีการป้องกันซึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในอนาคต

สายพันธุ์นี้เติบโตบนที่ลาดชันใน fynbos (sclerophyll) vegetationและอยู่ถิ่นที่ เกิดที่ South africaเทือกเขาเดียวกับที่มีต้น Encephalartos Lehmannii

Cultivation & Propagation :

E. longifolius เป็นพืชสายพันธุ์ที่โตง่าย และสามารถเปลี่ยนย้ายที่ปลูกได้เมื่อโตเต็มที่ สายพันธุ์นี้ชอบอากาศแบบ full sun และ acidic PHของดินจะอยุ่ที่ 5.5 มันชอบเครื่องปลูกที่มีการระบายน้ำที่ดีอย่างเหมาะสมไม่ว่าจะปลูกโดยเมล็ดหรือการแยกหน่อ 

การอธิบาย

ลำต้น(Stem):  ลำต้นไม่มีกิ่งก้านสาขาที่ขึ้นไปทางอากาศลำต้นเป็นลำแข็งและมีหน่อเกิดขึ้นที่ลำต้น มันมีความยาว 3.0-4.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 300-450 มิลลิเมตร และหายากที่จะกลับมาคลาน ปลายยอดของลำต้นจะถูกปกคลุมด้วยขนสั้นๆและมี cataphyllsสีเทา พืชที่โตเต็มที่จะมีมากกว่า 1 ลำต้นและอาจจะมี Suckerจำนวนมากแต่จะขึ้นมาจากที่ฐานโคนต้น

มีรูปแบบอยู่ 3 Form

1. green leaf

2. blue leaf(jubertina form)

3.Fish Tail(green leaf,blue green leaf)

ใบย่อยทั้งหมด(Leaves) : สายพันธุ์นี้ด้านบนใบจะมีสีเขียวสว่างและสีเขียวเข้ม  แม้ว่าพืชที่มาจากพื้นที่ the Joubertina จะมีสีฟ้าอมเขียวที่ใบย่อยทั้งหมด โดยสีที่หลังใบจะเป็นสีเขียวที่อ่อนกว่าตรงข้ามกับหน้าใบ ที่กึ่งกลางใบจะมีรอยเว้าและแข็งกว่าส่วนอื่น ที่กลางใบ โดยรอยเว้าจะชัดเจน และปลายก้านใบมีการโค้งลงอย่างงดงาม ก้านใบจะแข็งมีความยาว 1-2 เมตรที่ใบจะมีขนสีขาวเกิดขึ้น  เส้นแกนที่ใบจะมีสีเหลืองอมเขียวใบย่อยทั้งหมดจะมีสีเขียวแก่จนถึงสีฟ้าอมเขียว ใบอ่อนจะถูกปกคลุมด้วยขนละเอียดแต่ว่าถ้าหลุดหายไปแสดงว่าเป็นใบเก่า  ที่ปลายก้านจะมีลักษณะโค้งลงที่ช่วงปลายใบ The pinnae spacing ช่องว่างระหว่างใบอาจจะมีช่องว่างหรืออาจจะทับซ้อนกันได้ ใบย่อยยาวได้มากถึง 20 cm และ กว้างได้ถึง 2-3 เซนติเมตร โดยปกติหนามขอบใบอาจจะมีได้ 1-3 หนามแบบ teeth ที่ขอบใบล่าง หรืออาจจะมีรอบๆก็เป็นได้

the pp-angle 40°-80° ที่ปลายใบและเพิ่มเป็น 90°-180° ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole

the pr-angle 30°-90° ที่ปลายใบและในเวลาต่อมาได้เพิ่มเป็น 60°-90° ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole

the s-angle เป็น +45° to +90° ที่ปลายใบและลดค่ามาเป็น 0°to +10° ในส่วนถัดมาของใบไปในทิศใบล่างที่ลงสู่โคนก้านใบไปทาง petiole

Petiole:  จะมีสีเหลืองอมเขียว และมีความยาว 200-250 มิลลิเมตร the leaf base จะมีสีเหลืองอมน้ำตาลที่ c0llar โดดเด่น

mediun leaflets : ใบจะมีความยาวได้ถึง 200 มิลลิเมตร ความกว้าง 20-40 มิลลิเมตร ใบจะมีลักษณะ leathery และมีปุ่มเกิดขึ้น  ขอบใบย่อยจะไม่หนาและไม่บิด ด้านบนใบจะมีลักษณะการเว้าคล้ายของเรือ(concave)ในทางขวางรวมถึงส่วนในทางตรง ขอบใบโดยปกติจะไม่มีหนามจะเป็นหนามที่ปลายใบที่เดียว แต่ว่าฟอร์มบางฟอร์มที่รู้จักกันมักจะทื่อๆที่ปลายใบ และบางครั้งใบอาจจะมี 2-3 หนามเกิดขึ้นได้ที่ขอบใบล่างซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นหนามทื่อๆหรือหหนามแหลมเกิดขึ้นได้ การดูเส้นหลังใบที่ยากมากในแนวนอน

basal leaflets: ใบจะลดขนาดลงในบริเวณใกล้ๆฐาน แต่จะไม่ใช่ Spine หรืออาจเป็นได้แค่ 2 spine มากที่สุด

Cone: มักจะปรากฎในเดือน ธันวาคม

Male Cone : จะเกิดขึ้น 1-3 ต่อฤดูกาลต่อลำต้น จะมีสี Greenish-brown cones  มันจะยาว 400-690 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 140-200 มิลลิเมตร และมี peducle 30-50 มิลลิเมตร Cones ที่เพิ่งตัดจะมีน้ำหนัก 4.6-5.0 kg และมี 660-675 sporophylls.  pollen shedding เกิดในช่วงเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม

Female Cones : จะมีสี Olive Green จะเกิดขึ้นอันเดียวเท่านั้นหรือ 2 อันจะยากมากต่อฤดูกาลต่อต้น มันจะยาว 500-600 มิลลิเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 310 มิลลิเมตร และมี peducle 30-40 มิลลิเมตร แต่ว่าถ้าไม่สังเกตุโดย Cataphyllsของยอดลำต้นจะบัง Coneจะมี 410 sporophylls ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียง 20% Cones ที่เพิ่งตัดจะมีน้ำหนัก 24 kg ซึ่งใหญ่และหนักมาก The Cone จะเกิด spontaneously ระหว่าง เดือน ตุลาคม-ธันวาคม โดยจะมี 405-585 omnules

เมล็ด(Seeds) : สี bright red ,ความยาว 50-62 มิลลิเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลาง 25-30 มิลลิเมตร ค่า sarcotesta มี 43%  saecotesta จะมาเป็น mucilaginous เพื่อที่จะเกิดเป้นต้นกล้า

Seed kernels : ความยาว 25-30 มิลลิเมตร และ เส้นผ่านศูนย์กลาง 22-24 มิิลลิเมตร kernelsจะเรียบและปราศจากเหลี่ยมหรือร่อง

Notes


ถ้าสายพันธุ์นี้มีฟอร์มหนึ่งที่เป็นสีเขียวของสายพันธุ์นี้อาจจะสับสนระหว่าง Encephalartos altensteinii และรูปแบบของ E.natalensis แต่ถ้าศึกษาอย่างเข้าใจแล้วจะจำแนกไม่ยากจาก S-angle ที่มีค่าประมาณ +90° ที่ terminal leaflets ที่จะมีค่าน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น

ส่วน E. longifolius  blue green form จะไปสับสนกับ E.eugene-maraisii และ E.nubimontaus อย่างไรก็ตามกลุ่ม Traansval  blue-green spicies การมีจุดเด่นที่ basal leaf collar ซึ่งไม่มีหรือจะสังเกตุได้ในกลุ่มพวก  traansval เท่านั้น

E. longifolius อาจจะเป็นสายพันธุ์แรกในการสะสม  cycad ของ Carl Peter Thunberg and Francis Masson ราวๆ  1775  ในการเดินทางเที่ยวที่ the Eastern Cape   นักสะสมได้ส่งถึง Kew Gardens ในเวลาต่อมา มันเติบโตใน the Palm House ซึ่งอาจจะทำให้มันมีอายุมากกว่า 200 ปี   พืชที่เค้าใช้ในการชี้วัด คือ E.altensteinii และ ไม่ใช่ E.longifolius! แน่นอน  อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขามักจะสะสม E.altersteinii  ในส่วน E. longifolius มักจะอาศัยในความลึกลับที่มีการไขปริศนาที่ยาก ตั้งแต่ E. longifolius มีความเกี่ยวข้องกับ E. altensteinii ความสับสนที่ไม่เขาใจ แต่สองสายพันธุ์นี้สามารถแยกแยะออกได้ในเวลาต่อมาตั้งแต่ the leavesและ pinnae ที่แตกต่าง

Natural hybrids ที่รู้ัระหว่างE. horridus และ E. longifolius ที่ซึ่งพวกมันเกิดขึ้นในความใกล้ชิดกัน

Characteristics (ลักษณะE. longifolius)

Tall stems, Tree like
Green leaves,Blue leaves
Full Sun to Semi-shade
Medium Water
Light Frost

กระจายตัวอยู่บริเวณ(Distribution)

Eastern Cape

© 2000:Mr.Prince Farm, All Rights Reserved | Awesome Theme by: D5 Creation | Powered by: WordPress